Page 11 - สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีผู้ที่เคยรับโทษให้จำคุกถูกจำกัดสิทธิในการเข้ารับราชการ
P. 11

ประเด็นการตรวจสอบ
                       การกำาหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการของรัฐสภา ตามมาตรา ๓๗ แห่งพระราช-

                 บัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ กระทบต่อสิทธิของผู้ร้องหรือไม่ อย่างไร



                 ๓.  ก�รดำ�เนินก�รตรวจสอบ

                       คณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
                 ได้ดำาเนินการพิจารณาตรวจสอบ  ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช

                 ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗  พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒  และระเบียบ
                 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิด

                 สิทธิมนุษยชน พ.ศ. ๒๕๔๕  โดยคณะอนุกรรมการฯ ได้รับฟังข้อเท็จจริงจากสำานักงานเลขาธิการ
                 สภาผู้แทนราษฎร  สำานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ ดังนี้

                       ๓.๑ สำานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ สผ ๐๐๐๒/๘๖๘๖ ลงวันที่

                 ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้

                           ๑)  ตามกรณีร้องเรียน ผู้ร้องเคยได้รับโทษจำาคุกเกี่ยวกับคดียาเสพติดเป็นเวลา ๓ ปี
                 ๖ เดือน และพ้นโทษมาแล้ว  ผู้ร้องจึงมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๗ ข. (๗) แห่งพระราชบัญญัติ
                 ระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นผู้เคยได้รับโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุก

                 เว้นแต่เป็นโทษสำาหรับความผิดที่ได้กระทำาโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ซึ่งลักษณะต้องห้าม

                 ดังกล่าวตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง ก.ร. อาจพิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการได้ ซึ่งผู้ร้องสามารถยื่น
                 คำาร้องเพื่อขอให้ ก.ร. พิจารณายกเว้นให้เข้ารับราชการตามมาตรา ๓๗ ได้
                           ๒)  ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา  ก.ร. ยังไม่เคยได้รับคำาขอให้พิจารณายกเว้นคุณสมบัติในลักษณะ

                 ดังกล่าว และ ก.ร. ยังมิได้กำาหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางการพิจารณาไว้

                           ๓)  กรณีที่ผู้สมัครเข้ารับการแข่งขันเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญที่ได้รับการอภัยโทษ หรือ
                 ได้รับการล้างมลทินในวาระพิเศษ ซึ่งถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้นๆ  หากเป็น
                 ผู้มีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๓๗  การพิจารณาเพื่อให้เข้ารับราชการเป็น

                 ไปตามหลักสูตร วิธีดำาเนินการเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน เกณฑ์การตัดสิน การขึ้นบัญชีและการยกเลิก

                 บัญชีผู้สอบแข่งขันได้  ซึ่งในการพิจารณาความเหมาะสมกับตำาแหน่งให้มีการพิจารณาประวัติส่วนตัว
                 ประวัติการทำางาน รวมถึงจริยธรรมและคุณธรรมเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย

                       ๓.๒ สำานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำานักงาน ก.พ.) ได้มีหนังสือ ที่ นร ๑๐๑๑/๔๒๐

                 ลงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
                           ๑)  การปฏิบัติที่ผ่านมาในการพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามในกรณีที่เป็นผู้เคยได้รับ

                 โทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุกนั้น  ก.พ. ยังไม่เคยมีการวางหลักเกณฑ์ในการพิจารณายกเว้น
                 ลักษณะต้องห้ามในกรณีนี้  แต่ได้เคยวางแนวทางในการพิจารณายกเว้นลักษณะต้องห้ามกรณีเป็น

                 ผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม ตามมาตรา ๓๐ ข. (๗) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ


            10

            สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีผู้ที่เคยรับโทษให้จำาคุกถูกจำากัดสิทธิในการเข้ารับราชการ
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16