Page 21 - สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 21
ไม่เหมาะสมของนักเรียน ได้แก่ นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผม
หรือไว้หนวดไว้เครา ส่วนนักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใด
อนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย จึงถือได้ว่าเป็นกรณีมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะ
เพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำาหนดไว้และเป็นการกระทำาเท่าที่จำาเป็นเพื่อส่งเสริมความประพฤติของนักเรียน
และไม่เป็นการกระทบกระเทือนต่อสาระสำาคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพของนักเรียน ตามที่บัญญัติไว้ใน
มาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐
ประเด็นที่ ๒ การที่โรงเรียนอนุโลมให้นักเรียนสามารถไว้ผมยาวได้เป็นการเฉพาะราย
เป็นการเลือกปฏิบัติ ตามนัยมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ หรือไม่
อย่างไร
คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่โรงเรียนบางแห่งอนุญาตให้นักเรียนสามารถ
ไว้ผมยาวได้เป็นการเฉพาะรายเนื่องจากมีเหตุผลความจำาเป็น เช่น นักเรียนที่เรียนนาฏศิลป์ นักเรียนที่
นับถือศาสนาอิสลาม เป็นต้น สอดคล้องกับบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ที่ ศธ ๐๒๐๔/๕๒๘๕ ลงวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๔๖ เพื่อซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการแต่งกายและความประพฤตินักเรียน โดยนักเรียน
หรือนักศึกษาต้องประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่ และต้อง
แต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบตามระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน รวมทั้งต้องไม่แต่งกายหรือประพฤติตน
ไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียนหรือนักศึกษาตามที่กำาหนดในกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ โดยเฉพาะ
ทรงผมของนักเรียน ทั้งนี้ โรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจพิจารณาผ่อนคลายระเบียบหรือข้อบังคับที่
เกี่ยวกับการไว้ทรงผมให้เหมาะสมกับวัยและสภาพของนักเรียนตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งไม่ขัด
หรือแย้งกับกฎกระทรวงดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ตามมาตรา ๓๐ ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ทั้งนี้ เพราะโรงเรียน สถานศึกษาได้ผ่อนผัน
ให้กับนักเรียนที่ไว้ผมยาวโดยมีเหตุผลความจำาเป็นตามสภาพของนักเรียนเป็นการเฉพาะรายตาม
ความเหมาะสม อันเป็นการปฏิบัติต่อเด็กโดยคำานึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดของนักเรียน
สอดคล้องกับมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ที่บัญญัติว่า “การปฏิบัติต่อเด็ก
ไม่ว่ากรณีใด ให้คำานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำาคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม”
๕.๒ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
การกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียนตามที่กำาหนดไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าวนั้น ในชั้นนี้
ถึงแม้ว่าไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แต่กระทรวงศึกษาธิการมิได้กำาหนดแนวทางการปฏิบัติให้
เกิดความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี
โดยกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขกฎกระทรวงที่ใช้บังคับอยู่ให้สอดคล้องกับมิติด้าน
สิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพันธกรณีระหว่าง
ประเทศที่ให้การคุ้มครองและรับรองไว้ ดังนี้
20
สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐