Page 20 - สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 20
กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ตามมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่ อย่างไร
คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียน กระทรวง
ศึกษาธิการอาศัยอำานาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๑๑ แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ในการ
ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) และต่อมาได้มีการออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๘)
ซึ่งยกเลิกความในข้อ (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) โดยมีการระบุในเรื่อง
การแต่งกายและความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของนักเรียน ได้แก่ นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมยาว
จนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผมหรือไว้หนวดไว้เครา ส่วนนักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาว
เลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย และ
กระทรวงศึกษาธิการได้มีบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ที่ ศธ ๐๒๐๔/๕๒๘๕ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๔๖
เพื่อซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการแต่งกายและความประพฤตินักเรียน โดยนักเรียนหรือนักศึกษาต้อง
ประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่ และต้องแต่งกายหรือแต่ง
เครื่องแบบตามระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน รวมทั้งต้องไม่แต่งกายหรือประพฤติตนไม่เหมาะสม
แก่สภาพของนักเรียนหรือนักศึกษาตามที่กำาหนดในกฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ โดยเฉพาะทรงผมของ
นักเรียน ทั้งนี้ โรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจพิจารณาผ่อนคลายระเบียบหรือข้อบังคับที่เกี่ยวกับ
การไว้ทรงผมให้เหมาะสมกับวัยและสภาพของนักเรียนตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งไม่ขัดหรือแย้ง
กับกฎกระทรวงดังกล่าว
ต่อมา เมื่อพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มีผลใช้บังคับ ซึ่งมาตรา ๓ ให้ยกเลิก
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ แต่ในบทเฉพาะกาล ตาม
มาตรา ๘๘ กำาหนดว่า บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำาสั่งที่ออกโดยอาศัยอำานาจ
ตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ ให้คงใช้บังคับ
ต่อไปได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีการออกกฎกระทรวง ข้อบังคับ ระเบียบ
ประกาศ หรือคำาสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการยังมิได้มีการออกกฎกระทรวง
ฉบับใหม่ที่อาศัยอำานาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และโดยที่กฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ
มิได้ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ดังนั้น กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๘) จึงยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปได้ตามบทเฉพาะกาล
มาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖
การกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียนตามที่กำาหนดไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าว แม้เป็น
การจำากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล แต่ในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๖๔ กำาหนด
ให้นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา และตามที่กำาหนด
ในกฎกระทรวง เมื่อปรากฏว่ากฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ซึ่งต่อมากระทรวงศึกษาธิการได้ออก
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ยกเลิกความในข้อ (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑
(พ.ศ. ๒๕๑๕) ที่ออกตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ และ
ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ได้กำาหนดในเรื่องการแต่งกายและความประพฤติที่
19
สิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล และสิทธิเด็ก กรณีเห็นว่าการกำาหนดแบบทรงผมของนักเรียนกระทบต่อสิทธิมนุษยชน
และไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐