Page 137 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 2 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน 2558
P. 137

135
                                              ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                     ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๒  ระหว่าง มกราคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


                  หรือความเชื่อของตนโดยการสักการบูชา การปฏิบัติ การประกอบพิธีกรรมและการสอน ไม่ว่าจะโดยลำาพังตัวเอง

                  หรือในชุมชนร่วมกับผู้อื่น และไม่ว่าต่อสาธารณชน หรือเป็นการส่วนตัว

                             ๒.  บุคคลจะถูกบีบบังคับให้เสื่อมเสียเสรีภาพในการมีหรือนับถือศาสนา หรือความเชื่อตามคตินิยม
                  ของตนมิได้

                             ๓.  เสรีภาพในการแสดงออกทางศาสนา หรือความเชื่อของบุคคลอาจอยู่ภายใต้บังคับแห่งข้อจำากัด
                  เฉพาะที่บัญญัติโดยกฎหมาย และตามความจำาเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย สุขอนามัย หรือ
                  ศีลธรรมของประชาชน หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพขั้นมูลฐานของบุคคลอื่นเท่านั้น




                             ความคิดเห็นทั่วไปฉบับที่ ๒๒ ข้อ ๑๘ (เสรีภาพในความคิดหรือศาสนา) :  ICCPR General

                  Comment No. 22 : Article 18 (Freedom of Thought, Conscience or Religion) เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม
                  ค.ศ. ๑๙๙๓

                             คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ
                  ทางการเมือง ซึ่งเป็นคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญประจำาสหประชาชาติ มีหน้าที่ในการตรวจสอบรายงานการปฏิบัติ

                  ตามพันธกรณีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของรัฐภาคี  การรับเรื่อง
                  ร้องเรียนของรัฐภาคี และการให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะแก่รัฐภาคีในการปฏิบัติตามพันธกรณีได้ให้
                  ความเห็น ข้อ ๑๘ ของกติกาดังกล่าวในสิทธิคัดค้านการรับราชการทหารด้วยความเชื่อทางมโนธรรม (Right

                  to Conscientious Objection) ในความเห็นข้อที่ ๑๑ โดยมีสาระสำาคัญสรุป ดังนี้

                             ปัจเจกชนหลายคนได้อ้างสิทธิในการคัดค้านการรับราชการทหารด้วยความเชื่อทางมโนธรรม
                  โดยอ้างหลักสิทธิเสรีภาพทางความคิด มโนธรรม และความเชื่อทางศาสนา ตามข้อ ๑ และข้อ ๑๘ ที่ได้รับ
                  การรับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ

                  ทางการเมือง และมีการเรียกร้องสิทธิดังกล่าวมากขึ้น โดยบางรัฐมีกฎหมายให้ยกเว้นการถูกเรียกให้มาเกณฑ์ทหาร
                  แก่บุคคลที่มีความคิด มโนธรรม และความเชื่อทางศาสนาที่นับถืออย่างแท้จริง และแทนที่ด้วยการจัดทางเลือก

                  ในการรับใช้ชาติของผู้อ้างสิทธิดังกล่าว  แม้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
                  ไม่ได้ประกันสิทธิคัดค้านการรับราชการทหารด้วยความเชื่อทางมโนธรรม แต่คณะกรรมการประจำากติกานี้
                  เชื่อว่า บุคคลสามารถอ้างสิทธิจากข้อดังกล่าวได้ และเห็นว่าการเกณฑ์ทหารที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อาวุธ

                  (Lethal Force) นั้น ขัดกับสิทธิที่ได้รับประกันในข้อ ๑๘ อย่างรุนแรง ซึ่งสิทธิดังกล่าวต้องได้รับการประกัน
                  ไม่ว่าจะอยู่ในเงื่อนไขใดๆ หรือเป็นสิทธิที่ไม่สามารถลิดรอนได้ (Non-Derogable Right) นั่นเอง  และเมื่อสิทธิ
                  ที่ว่านี้ได้รับการยอมรับโดยกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว จะต้องไม่มีการแบ่งแยกในกลุ่มผู้คัดค้านการเข้ารับ

                  การเกณฑ์ทหารโดยอ้างหลักมโนธรรมจากพื้นฐานความเชื่อที่แตกต่างกันแต่ประการใด และจะต้องไม่มี
                  การเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่คัดค้านการเกณฑ์ทหารโดยอ้างหลักมโนธรรมเพียงเพราะว่า เขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้ารับ
                  การเกณฑ์ทหารได้  และให้รัฐที่ยังมีการเกณฑ์ทหารไม่มีข้อยกเว้นแก่บุคคลที่มีความคิด มโนธรรม และความเชื่อ

                  ทางศาสนาที่นับถืออย่างแท้จริง พิจารณาจัดทางเลือกในการรับใช้ชาติที่ไม่ต้องปฏิบัติภารกิจในการสู้รบหรือ
                  มีลักษณะงานพลเรือนเพื่อประโยชน์สาธารณะ
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142