Page 122 - สิทธิในชีวิต
P. 122
ได้รับงบประมาณอย่างเพียงพอแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการและเจ้าหน้าที่
ผู้ปฏิบัติงานได้และต้องมีองค์ประกอบที่หลากหลายและเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ
ในสังคมอย่างแท้จริง
2) ต้องกำำาหนดภาระหน้าที่อย่างชัดเจนและมีอำำานาจเพียงพอ (Defined
jurisdiction and adequate powers) ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายจัดตั้งสถาบัน และตามข้อตกลง กติกาอนุสัญญาระหว่าง
ประเทศ ที่สำำาคัญต้องได้รับอำำานาจทางกฎหมายอย่างเพียงพอไม่ว่าในการสอบสวน
การละเมิดสิทธิมนุษยชน การเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลมาให้ข้อเท็จจริง
หรือข้อมูล เป็นต้น
3) ต้องเป็นสถาบันที่บุคคลและคณะบุคคลทุกฝ่าย สามารถเข้าถึงได้ง่าย
(Accessibility) โดยมีกฎเกณฑ์และกระบวนการทำำางานที่ประชาชนสามารถติดต่อ
ยื่นคำำาร้องเรียนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว มีสำำานักงานสาขาทุกภูมิภาคเพื่อรับเรื่องราว
ร้องทุกข์ได้ทั่วประเทศ
4) ต้องยึดหลักการความร่วมมือ (Cooperation) กับทุกฝ่ายตั้งแต่สหประชาชาติ
สถาบันสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคและระดับประเทศ องค์การเอกชนหรือองค์การ
ที่มิใช่ของรัฐ (Non–Governmental Organizations-NGOs) ตลอดจนองค์การระหว่าง
รัฐบาล (Intergovermental Organizations) ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และกับหน่วยงานตุลาการ
5) ต้องยึดหลักประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติการ (Operational efficiency)
โดยการจัดหาทรัพยากรที่เพียงพอ วิธีการทำำางานที่ไม่เป็นแบบราชการ (bureaucracy)
บุคลากรมีความคิดความรู้และความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ฯลฯ
6) ต้องมีความรับผิดชอบ (Accountability) ทางด้านกฎหมาย และด้านการเงิน
ต่อรัฐบาล และรัฐสภา โดยต้องเผยแพร่รายงานและให้สาธารณชนตรวจสอบการทำำางาน
ของสถาบันได้อย่างจริงจัง
การประชุมในครั้งนั้นส่งผลให้มีการจัดตั้งสถาบันแห่งชาติขึ้นเป็นจำำานวนมาก
ในช่วงคริสตทศวรรษ 1990 และนอกจากหลักการปารีสแล้วยังมีหลักการอื่นๆ
ซึ่งกำำาหนดให้แต่ละประเทศ มีสิทธิในการเลือกกรอบการทำำางานของคณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติของตนตามความเหมาะสมและความจำำาเป็นด้วย
http://www.nhrc.or.th/2012/wb/img_ebook/E-Book_nhrc/Chapter%20
1/P_1(1.1-1.2)_new.pdf
สิทธิในชีวิต
115

