Page 516 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 516
่
่
อนุญาตแผ้วถางปาตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 แต่ถ้าที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้
ั
่
่
เข้าทําประโยชน์มีไม้หวงห้ามหรือของปาหวงห้ามขึ้นอยู่การตัดฟนหรือเก็บหาของปาหวงห้าม จะต้อง
ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อนเนื่องจากในการ"ทําไม้" หวงห้ามตาม มาตรา 11 หรือการ
่
่
เก็บหาของปาหวงห้ามตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
่
่
พระราชบัญญัติปาไม้ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 รัฐมีวัตถุประสงค์ที่จะสงวนรักษาไม้หรือของปาหายากไว้
่
มาตรการควบคุมในเรื่องนี้จึงเข้มงวดกว่าการแผ้วถางปา กล่าวคือ ผู้ทําไม้หวงห้ามจะต้องได้รับอนุญาต
จากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับสัมปทานอย่างใดอย่างหนึ่ง กับต้องให้ประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐ
่
สําหรับผู้เก็บหาของปาหวงห้ามก็จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องเสียค่าภาคหลวง
่
่
ของปาหวงห้ามเช่นกันและประกอบกับทั้งการทําไม้ หวงห้ามหรือเก็บหาของปาหวงห้าม ก็ไม่อยู่ใน
ความหมายของ "เกษตรกรรม" ทั้งตามความหมายธรรมดา หรือตามคํานิยาม "เกษตรกรรม" ตาม
มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 อันเป็นเรื่องที่บุคคล
นั้นๆ ได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในที่ดินของรัฐด้วย
สําหรับผู้ได้รับอนุญาตตามมาตรา 9 หรือมาตรา 12 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้เข้าทํา
ประโยชน์ในที่ดินที่คณะรัฐมนตรีมีมติกําหนดให้เป็นที่ดินของรัฐนั้นเห็นว่า ที่ดินของรัฐหมายถึงที่ดินซึ่ง
ไม่ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดตามที่มาตรา 2 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินกําหนดไว้
่
่
และหากที่ดินนั้นยังมีสภาพเป็นปาตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 ที่ดิน
่
ดังกล่าวยังอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของกฎหมายว่าด้วยปาไม้ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ใน
ที่ดินของรัฐไม่ว่าจะเป็นเพื่อการทําเหมืองแร่หรือขุดเก็บกรวด ทราย ลูกรังหรือดิน หรือประโยชน์อื่นใด
่
ซึ่งมิใช่การเกษตรกรรม จะต้องขออนุญาตแผ้วถางปาตามมาตรา 54 นอกเหนือจากการขออนุญาตตาม
่
กฎหมายเฉพาะว่าด้วยการนั้น ๆ และหากที่ดินดังกล่าวมีไม้หวงห้ามหรือของปาหวงห้ามขึ้นอยู่ การตัด
่
ั
ฟนไม้หวงห้ามหรือเก็บหาของปาหวงห้ามก็ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 11
และมาตรา 29 เสียก่อน
6.5 เรื่องเสร็จที่ 207/2537 บันทึกเรื่อง อํานาจในการดูแลรักษาที่สาธารณสมบัติของ
แผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน
คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน หาก
พลเมืองเลิกใช้หรือเปลี่ยนสภาพจากการเป็นที่ดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแล้วที่ดินดังกล่าวย่อมถูก
ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยผลของพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน
และเป็นอํานาจหน้าที่ของ ส.ป.ก. ที่จะดําเนินการต่อไป แต่ถ้าพลเมืองยังใช้ประโยชน์ร่วมกันอยู่หรือยัง
ไม่เปลี่ยนสภาพจากการเป็นที่ดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่ดินนั้นก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของ
แผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ต่อไป หน่วยงานใดเคยมีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาอยู่ ก็คงมีอํานาจ
หน้าที่ดูแลรักษาต่อไปแม้จะอยู่ในเขตปฏิรูปก็ตามส่วนการออกเอกสารสิทธิในเขตปฏิรูปไม่ว่าจะเป็น
พื้นที่ที่ ส.ป.ก. เข้าดําเนินการหรือไม่ก็ตามพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรผู้
8‐81

