Page 515 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 515
ั
คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้พิจารณาข้อหารือเกี่ยวกับปญหาข้อกฎหมายกรณีการใช้บังคับ
่
กฎหมายว่าด้วยปาไม้ในบริเวณที่ได้กําหนดเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นิคมสร้างตนเอง ที่ดิน
ที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้เป็นที่จัดสรรเพื่อเกษตรกรรม หรือที่ดินที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดเป็น
่
ที่ดินของรัฐ ซึ่งกรมปาไม้หารือว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 30 แห่ง
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 หรือได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ใน
เขตนิคมสร้างตนเองตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 หรือได้รับ
อนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 หรือได้รับอนุญาตตามมาตรา 9 หรือ
มาตรา 12 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้ใช้ที่ดินในเขตที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้เป็นที่จัดสรรเพื่อ
เกษตรกรรมหรือในเขตที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดเป็นที่ดินของรัฐแล้ว จะต้องปฏิบัติตาม
ั
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 ด้วยหรือไม่ อย่างไร และผู้บุกรุกตัดฟนทําไม้หวงห้าม แผ้วถาง หรือ
่
่
่
เผาปา หรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการทําลายปา หรือเข้ายึดถือครอบครองปาในเขตปฏิรูป
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นิคมสร้างตนเอง ที่ดินที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดให้เป็นที่จัดสรรเพื่อ
่
เกษตรกรรม หรือที่ดินที่มีมติคณะรัฐมนตรีกําหนดเป็นที่ดินของรัฐ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติปา
ไม้ พ.ศ. 2484 หรือไม่ อย่างไร คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 7) ได้พิจารณา
ั
ปญหาดังกล่าว โดยผู้แทนกรมพัฒนาที่ดินชี้แจงว่า คําว่า "ที่ดินของรัฐ" ซึ่งใช้ในงานการจําแนกที่ดิน
ของกรมพัฒนาที่ดินเป็นเกณฑ์ที่กําหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ในงานของกรมพัฒนาที่ดิน มิได้มีความหมาย
ั
ตามกฎหมายใดๆ ซึ่งปจจุบันกรมพัฒนาที่ดินจําแนกที่ดินเป็น 3 กลุ่ม คือ ประเภท ก. หมายถึงที่ดิน
่
นอกเขตพื้นที่ปาไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนพ.ศ. 2504 ประเภท ข. หมายถึง
่
ที่ดินที่จําแนกไว้เป็นที่จัดสรรเพื่อเกษตรกรรม และประเภท ค. หมายถึงที่ดินที่จะสงวนไว้เป็นปาไม้ของ
ชาติ
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 7) มีความเห็นว่ามาตรา 54 แห่ง
่
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 ที่กําหนดห้ามมิให้ผู้ใดก่นสร้าง แผ้วถาง หรือเผาปา หรือกระทําด้วย
่
่
ประการใด ๆ อันเป็นการทําลายปา หรือเข้ายึดถือครอบครองปา เพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทํา
ภายในเขตที่ได้จําแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรม และรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือ
่
ได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น น่าจะมีเจตนารมณ์ที่จะคุ้มครองปาไม้อันเป็น
่
ทรัพยากรธรรมชาติที่สําคัญ โดยการห้ามมิให้มีการบุกรุกเข้าใช้ประโยชน์ในที่ปาตามมาตรา 4 (1) แห่ง
ั
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 สําหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ทําประโยชน์ตามปญหาที่หารือ นั้น บุคคล
ดังที่กล่าวข้างต้นถือได้ว่าเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเฉพาะนั้นๆ ให้เข้าทําประโยชน์ในที่ดินของ
่
รัฐ จึงมิใช่ผู้บุกรุก ถ้าที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ยังมีสภาพเป็นปา พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
่
พระราชบัญญัติปาไม้ พ.ศ. 2484 ก็มีอํานาจหน้าที่ในการดูแลรักษาและรับผิดชอบที่ดินนั้นๆ เพื่อ
่
คุ้มครองปาไม้เท่าที่ไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์ในการอนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ข้างต้น ซึ่งในการประกอบ
่
เกษตรกรรมนั้นย่อมจะต้องมีการแผ้วถางปาเพื่อเตรียมพื้นที่ ดังนั้น บุคคลที่กล่าวข้างต้นจึงไม่ต้องขอ
8‐80

