Page 17 - การรวบรวมและวิเคราะห์เปรียบเทียบรายงานตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำ ชายฝั่ง แร่และสิ่งแวดล้อม ในอนุคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (พ.ศ.2544-2550)
P. 17
ชายทะเลที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ผู้ศึกษาจึงเห็นควรรวมกรณีขุมเหมืองเก่าเฉพาะบริเวณที่ติดชายทะเลไปอยู่
ั่
ในฐานทรัพยากรชายฝง เป็นต้น นอกจากนี้ในกรณีการตรวจสอบการร้องเรียนเกี่ยวกับมลพิษทางน ้าซึ่งเดิม
ตรวจสอบโดยคณะอนุกรรมการที่ดินและน ้า และอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน ้าและแร่ ภายหลังเมื่อได้ควบ
รวมกับอนุกรรมการด้านพลังงานและอุตสาหกรรม แล้วผู้ศึกษาจึงเห็นว่ากรณีที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางน ้าบาง
กรณีสมควรน าไปรวมไว้ในกลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม เช่นกัน เพื่อการวิเคราะห์ให้เห็นกลุ่ม
ั
ั
ปญหาตามลักษณะปญหาที่ใกล้เคียงกัน โดยได้จ าแนกกรณีตรวจสอบการละเมิดสิทธิดังกล่าวแสดงในตาราง
แยกเป็นรายปี (2544- เมษายน 2551) ในตารางที่ 3.2-3.9
โดยการตรวจสอบกรณีร้องเรียนดังกล่าวของคณะอนุกรรมการถือได้ว่า เป็นการด าเนินการ
ตรวจสอบเชิงรุกในสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับฐานทรัพยากรอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย
เนื่องจากเป็นวาระแรกของการมีองค์กรอิสระ ดังเช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งในการ
ตรวจสอบกรณีร้องเรียนต่างๆ คณะอนุกรรมการได้มีการจัดท ารายงานในแต่ละกรณีเพื่อมีความเห็นและเสนอ
ั
มาตรการการแก้ไขปญหาเกี่ยวกับกรณีต่างๆ ไว้ในรายงาน รายงานดังกล่าวเป็นเสมือนการบันทึกกรณีการ
ั
ละเมิดสิทธิมนุษยชนส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และยังได้มีแนวทางการแก้ไขปญหาเสนอไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าวยังมีรายละเอียดของวิธีการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการ
ข้อกฎหมาย หรือหลักการทางสิทธิมนุษยชน ที่คณะอนุกรรมการน ามาพิจารณา ตลอดถึงความคิดเห็นของ
คณะอนุกรรมการต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเอกสารส าคัญที่บ่งชี้ถึงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับฐาน
ั
ั
ทรัพยากรได้ส่วนหนึ่ง และยังเห็นถึงแนวทางการแก้ไขปญหาทั้งในเชิงปจเจกและในเชิงนโยบาย เห็นถึง
ผู้กระท าละเมิด ผู้ถูกกระท าละเมิด รวมตลอดทั้งหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกรณี
ต่างๆ ดังนั้น รายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของคณะอนุกรรมการ จึงถือเป็นเอกสารส าคัญที่
บ่งชี้สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน การท างานการตรวจสอบกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการ
ั
แก้ไขปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย
1.2 หลักการและเหตุผล
ั่
เนื่องจาก คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน ้า ชายฝง แร่ และสิ่งแวดล้อม พบว่าในการ
ั
ั่
จัดท ารายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิในกรณีน ้า ชายฝง แร่ และสิ่งแวดล้อม นั้น มีประเด็นปญหาการ
ละเมิดสิทธิชุมชนที่น่าสนใจหลายประการ รวมถึงการเชื่อมโยงต่อการควบคุม ก ากับดูแล โดยกฎหมายและ
นโยบายต่างๆ ของภาครัฐ อันมีต่อมาตรการคุ้มครองสิทธิของบุคคลและชุมชน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้อง
กับกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ที่ให้อ านาจหน่วยงานในการท าหน้าที่อนุญาต และด าเนินการเกี่ยวกับการ
ใช้ทรัพยากร ซึ่งได้ตราขึ้นก่อนการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ซึ่งรัฐธรรมนูญ
ฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาก้าวหน้าในส่วนการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบ ารุงรักษา และใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากร และการตรวจสอบการใช้อ านาจของรัฐ ดังนั้น หลังการใช้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจึงมีผลโดยตรง
ต่อการใช้หลักการตามรัฐธรรมนูญผ่านช่องทางการร้องเรียนผ่านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการ
้
ปกปองสิทธิของชุมชนและบุคคล จากการพัฒนาทรัพยากรที่มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสภาวะ
แวดล้อม วิถีชีวิต และชุมชน ที่มีกฎหมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบอาจบัญญัติไว้ไม่ครอบคลุมหรือมีช่องว่าง
จากการตรวจสอบกรณีร้องเรียนทั้ง 247 กรณี ของคณะอนุกรรมการ พบว่า กระบวนการ
ั
การตรวจสอบสามารถแก้ไขปญหาในกรณีต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมในหลายกรณี เช่น ท าให้โครงการบาง
ั
่
โครงการต้องยกเลิกไป หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปแก้ไขปญหาจนเป็นที่พอใจแก่ทุกฝาย แต่
ั
ขณะเดียวกันก็พบกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขปญหาตามอ านาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ใน
หลายกรณีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ในหลายกรณีเป็นการใช้กฎหมายและระเบียบปฏิบัติของหน่วยงานเพื่อบังคับใช้
2