Page 115 - คู่มือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหลักสิทธิมนุษยชน
P. 115
สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
การกระทำาความผิดซึ่งหน้า ต้องเห็นด้วยตาตำารวจเอง
(ดูสูตรย่อ วินัย เลิศประเสริฐ, ๒๕๕๓: ๑๑๘)
(๑.๓) เมื่อบุคคลที่ได้กระทำาความผิด
ซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไป หรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นอันควรสงสัยว่า
ได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้นเช่น สมศักดิ์ ลักทรัพย์แล้ว
หลบหนีไป ตำารวจเห็นเหตุการณ์ในขณะลัก จึงวิ่งไล่จับเพื่อจะจับแต่สมศักดิ์
วิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้านวิทยาเสีย ตำารวจติดตามเข้าไปในบ้านนั้นเพื่อค้น
และจับสมศักดิ์ได้ แต่ถ้าตำารวจวิ่งไล่ห่างไปหน่อย ทำาให้คลาดสายตา
ตำารวจไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อไล่ติดตามไป ปรากฏว่าเห็นว่ามีบ้าน
อยู่บริเวณนั้นเพียงหลังเดียว และสมศักดิ์หายไปเช่นนี้ ถือว่า มีเหตุอัน
แน่นแฟ้น ควรสงสัยว่า สมศักดิ์ได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในบ้านนั้น ตำารวจ
ก็เข้าไปทำาการค้นเพื่อจับได้ แม้จะไม่เห็นขณะที่วิ่งเข้าไปในบ้าน
(๑.๔) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควร
ว่าสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระทำาความผิด หรือได้ใช้
หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำาความผิด หรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์
การกระทำาความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบกับต้องมีเหตุอันควร
เชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งของนั้นจะถูกโยกย้าย
หรือทำาลายเสียก่อน
(๑.๕) เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับ
เป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับหรือจับตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๗๘
ผู้ต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน ไม่ใช่คนอื่นที่หลบหนี
มาซุกซ่อนอยู่ คนใช้หรือญาติอื่นที่อาศัยอยู่ก็ไม่เข้าข้อนี้
91