Page 29 - วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)
P. 29

28     วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน






            สมการ Anti-SLAPP Law แสดงให้เห็นว่า การแสดงข้อเท็จจริงหรือความเห็นในประเด็นสาธารณะเป็นการสร้าง
            ประโยชน์ให้กับผู้กระทำาและสังคม ซึ่งมีนำ้าหนักมากกว่าประโยชน์ของผู้ถูกพาดพิงซึ่งก็คือเกียรติยศชื่อเสียงของ

            ผู้ถูกพาดพิง การส่งเสริมและคุ้มครองผู้แสดงข้อเท็จจริงหรือความเห็นในประเด็นสาธารณะมิให้ถูกดำาเนินคดี
            จึงเป็นสิ่งจำาเป็นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

                     การฟ้องคดีแพ่งและคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทเป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือภาคเอกชน

            ในการฟ้องข่มขู่คุกคาม ผู้ที่กล่าวหรือแสดงความคิดเห็นในกิจการสาธารณะ โดยการดำาเนินคดีอาญาเป็นที่นิยม
            มากกว่าการดำาเนินคดีแพ่งเพราะให้ผลประโยชน์กับผู้ดำาเนินคดีมากกว่าต้นทุนที่เสียไปในการดำาเนินคดี

            การแก้ไขกฎหมายและแนวปฏิบัติของศาล รวมทั้งการใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับแนวคิด Anti-SLAPP
            Law เป็นสิ่งจำาเป็นเพื่อคุ้มครองผู้แสดงข้อเท็จจริงหรือความเห็นโดยสุจริตในกิจการสาธารณะซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชน

            ที่ได้รับการรับรองในระดับสากล

                     ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย แนวปฏิบัติ และการปรับใช้กฎหมายที่มีอยู่เพื่อสอดคล้อง
            กับแนวคิด Anti-SLAPP Law มีดังนี้

                     1) เพิ่มข้อความต่อไปนี้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 423 “ผู้ใดกล่าวข้อความ

            แสดงความคิดเห็น หรือไขข่าวแพร่หลายโดยสุจริตในกิจการสาธารณะ ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน”
                     2) เมื่อบุคคลใดถูกดำาเนินคดีแพ่งเพราะเหตุแห่งการฟ้องข่มขู่คุกคาม ให้ยื่นคำาขอต่อศาลเพื่อให้ศาล

            วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 24 โดยไม่ต้อง

            พิจารณาสืบพยานเพื่อให้คดีเสร็จสิ้นไปจากศาลโดยไม่เนิ่นช้า
                     3) ในการไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาที่โจทก์ยื่นฟ้องจำาเลยเป็นคดีหมิ่นประมาทหรือคดีแจ้งความเท็จ

            ต่อเจ้าพนักงาน ให้ศาลออกระเบียบภายในโดยกำาหนดให้ศาลที่ทำาการไต่สวนมูลฟ้องตั้งประเด็นเรื่อง “การติชม
            ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา

            329 (3)” สำาหรับข้อหาหมิ่นประมาท และตั้งประเด็นเรื่อง “การใช้สิทธิโดยสุจริตในการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ”

            สำาหรับข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน หากเข้ากรณีดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาลสามารถยกฟ้องในชั้น
            ไต่สวนมูลฟ้องได้โดยไม่ต้องประทับรับฟ้อง ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองผู้แสดงข้อเท็จจริงหรือความเห็นโดยสุจริตใน

            กิจการสาธารณะ
                     4) ในการพิจารณาสั่งคดีอาญาของพนักงานอัยการ หากปรากฏว่าเป็นคดีหมิ่นประมาทที่มี

            การร้องทุกข์เพื่อปิดปากการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะของผู้ต้องหา พนักงานอัยการควรไม่ฟ้องคดีเพราะเหตุ

            การกระทำาไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (3) หรือ เพราะเหตุการฟ้องคดีไม่เป็นประโยชน์
            สาธารณะตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 21 วรรค 2
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34