Page 13 - สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา กรณีขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการเก็บเงินบำรุงการศึกษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
P. 13

หรือวิธีการที่แตกต่างจากการเรียนการสอนปกติ หรือการสอนที่ใช้สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่
                 จัดหาให้เป็นพิเศษตามอัตราที่เหมาะสมกับสภาพฐานะทางเศรษฐกิจของท้องถิ่น โดยความเห็นชอบ

                 จากคณะกรรมการสถานศึกษา และเป็นไปด้วยความสมัครใจของผู้ปกครองและนักเรียน ภายใต้
                 หลักเกณฑ์ที่ส่วนราชการต้นสังกัดระดับกรมของสถานศึกษาแห่งนั้นกำาหนด พร้อมทั้งกำาหนดหลักเกณฑ์

                 เงินบำารุงการศึกษาเพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดถือปฏิบัติ โดยกำาหนดรายการที่ไม่ให้สถานศึกษาจัดเก็บ
                 และรายการที่สถานศึกษาจัดเก็บได้ ดังนี้

                               - รายการที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลแล้วสถานศึกษาจัดเก็บไม่ได้ ๒๒ รายการ
                 เช่น ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน ค่าใช้จ่ายในการไปทัศนศึกษาปีละ

                 ๑ ครั้ง ค่าคู่มือนักเรียน ค่าปฐมนิเทศนักเรียน ค่าวารสารโรงเรียน เป็นต้น
                               - รายการที่สถานศึกษาสามารถจัดเก็บได้ซึ่งต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของ

                 ผู้ปกครองและนักเรียน เช่น ห้องเรียนพิเศษ (EP MEP ห้องเรียนพิเศษด้านภาษาต่างประเทศ
                 ด้านวิชาการ และด้านอื่นๆ) ค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียน (ค่าจ้างครู

                 ชาวต่างประเทศ ค่าตอบแทนวิทยากรภายนอก ค่าเรียนปรับพื้นฐานความรู้)  ค่าใช้จ่ายที่จัดเสริม
                 เพิ่มเติมให้กับนักเรียนนอกเหนือเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป (ค่าจ้างครูที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะ

                 ค่าสาธารณูปโภคสำาหรับห้องเรียนปรับอากาศ เป็นต้น)  ค่าใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการและสวัสดิภาพนักเรียน
                 (ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าจ้างบุคลากรที่ปฏิบัติงาน สถานศึกษา เป็นต้น)

                           ๓)  ประกาศกระทรวงศึกษาธิการตามข้อ ๒) เนื่องจากประกาศดังกล่าวเป็นเพียงการ

                 กำาหนดหลักเกณฑ์การเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นของสำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
                 และเพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเท่านั้น  จึงไม่ได้ประกาศใน

                 ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งแตกต่างจากประกาศอื่นๆ เช่น พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง
                 ศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๓๓  “การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่

                 การศึกษา โดยคำานึงถึงปริมาณสถานศึกษา จำานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสมด้านอื่นด้วย
                 เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการอาชีวศึกษา”  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

                 ศึกษาธิการโดยคำาแนะนำาของสภาการศึกษามีอำานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำาหนดเขตพื้นที่
                 การศึกษา หรือพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๓๗ วรรคสาม

                 “ในกรณีที่เขตพื้นที่การศึกษา ไม่อาจบริหารและจัดการได้ตามวรรคหนึ่ง กระทรวงอาจจัดให้มีการศึกษา
                 ขั้นพื้นฐานดังต่อไปนี้ เพื่อเสริมการบริหารและการจัดการของเขตพื้นที่การศึกษาก็ได้”  ให้รัฐมนตรี

                 โดยคำาแนะนำาของสภาการศึกษามีอำานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำาหนดเขตพื้นที่การศึกษา
                 เป็นต้น

                           ๔)  ปัจจุบันได้ยกเลิกประกาศฉบับลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๑  และจัดทำาประกาศ

                 ฉบับใหม่ ลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๓ พร้อมด้วยหลักเกณฑ์เงินบำารุงการศึกษา
                               อนึ่ง กรณีดังกล่าวผู้ร้องเรียนได้เคยยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางแล้ว แต่

                 ศาลปกครองกลางมีคำาสั่งไม่รับคำาฟ้องไว้พิจารณาและให้จำาหน่ายคดีออกจากสารบบความ รวมทั้งได้มี
                 การอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้พิจารณาเห็นพ้องด้วยกับคำาสั่งของศาลปกครองกลาง

            12

            สิทธิและเสรีภาพในการศึกษา กรณีขอให้ตรวจสอบและดำาเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
            ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการเก็บเงินบำารุงการศึกษาตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18