Page 52 - รายงานเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 52

๔. นักโทษประหารถูกจับนั่งมัดกับหลักไม้กางเขนแบบกาจับหลัก
                              ๕. เพชฌฆาตเอาดินเหนียวอุดหู  อุดปาก  และแปะไว้ที่ต้นคอนักโทษ  เพื่อกำาหนด

                                 ตรงที่จะฟัน  จากนั้นเพชฌฆาตดาบสองจะร่ายรำาไปมา  เพื่อรอจังหวะให้จิตนักโทษ

                                 สงบ พร้อมกับเพชฌฆาตดาบหนึ่งลงดาบ ฟันคอทันที
                              ๖. เมื่อประหารแล้ว  เจ้าหน้าที่จะตัดส้นเท้า  เพื่อถอดตรวนออกแล้วสับร่างกาย
                                 หรือแล่เนื้อให้ทานแก่แร้งกา

                              ๗. เอาหัวเสียบประจาน (โทษประหารชีวิตในประเทศไทย, ๒๕๔๘)



                             ๓) ก�รลงโทษประห�รชีวิตในยุคปัจจุบัน
                                 สืบเนื่องมาจากแนวความคิดในยุคปฏิรูประบบกฎหมายในสมัยพระบาทสมเด็จ

                     พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งประเทศไทยเริ่มรับแนวคิดมาจากชาติตะวันตกเป็นอันมาก

                     ในยุคปัจจุบันนี้ประเทศไทยก็ยังเร่งเดินหน้าสร้างสถาบันตามแบบอย่างตะวันตก  ทั้งนี้
                     แนวความคิดหนึ่งซึ่งประเทศไทยรับมาจากตะวันตกและส่งผลต่อแนวความคิดในการลงโทษประหาร
                     ชีวิตก็คือ แนวความคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งอันที่จริงแล้วประเทศไทย

                     ก็มีแนวความคิดในเรื่องดังกล่าวมาแต่สมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา เพียงแต่ยังไม่เป็นรูปธรรม

                     และเห็นได้ชัดเจนนัก  แต่แนวความคิดดังกล่าวเริ่มมีอิทธิพลต่อประเทศไทยมากขึ้น  นับแต่ในสมัย
                     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเด่นชัดและเป็นรูปธรรมมากที่สุดในยุคปัจจุบันนี้
                                 ดังจะเห็นได้จากการมีกฎหมายจำานวนมาก ทั้งกฎหมายในประเทศและกฎหมายระหว่าง

                     ประเทศซึ่งรับรองและคุ้มครองสิทธิ ที่เรียกกันว่าสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศฉบับหนึ่ง

                     ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นแม่แบบของกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิมนุษยชน  คือ  ปฏิญญาสากลว่าด้วย
                     สิทธิมนุษยชน ค.ศ. ๑๙๔๘ ซึ่งแม้ว่าโดยสถานะทางกฎหมายแล้ว ปฏิญญาสากลดังกล่าวมิได้มีผลบังคับ
                     ใดๆ ทางกฎหมาย แต่ก็เป็นเหตุผลสำาคัญที่ช่วยให้ทุกฝ่ายรอมชอมยอมรับกันได้ และหากพิจารณา

                     ในแง่ของประเทศไทยแล้ว  ประเทศไทยก็ให้การยอมรับนับถือในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก

                     ขององค์การสหประชาชาติด้วยเช่นกัน  อนึ่ง  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนดังกล่าวนั้น
                     มีเนื้อหาครอบคลุมถึงความหมายและหลักการว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางรอบด้าน
                     ทั้งในด้านสิทธิราษฎรและการเมือง  และในด้านสิทธิทางเศรษฐกิจและสังคม  ซึ่งสิทธิในการมีชีวิต

                     ก็เป็นสิทธิหนึ่งที่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนรับรองไว้เช่นกัน

                             จากแนวความคิดดังกล่าวที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง  ๆ  ทั่วโลก  จึงส่งผลต่อแนวความคิด
                     ของประเทศไทย  โดยเฉพาะในเรื่องการลงโทษ  ในปัจจุบันนี้  แม้ตามประมวลกฎหมายอาญาของ
                     ประเทศไทยจะยังมีการบัญญัติให้โทษประหารชีวิตเป็นโทษหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่

                     แต่แนวความคิดในเรื่องสิทธิมนุษยชนก็ได้ส่งผลและมีอิทธิพลต่อการลงโทษประหารชีวิต

                     ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้น แม้ยังมีการบัญญัติให้ลงโทษประหารชีวิตได้ แต่กระบวนการ
                     ในการประหารชีวิตก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยคำานึงถึงสิทธิมนุษยชนและความมีมนุษยธรรม






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 39
   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57