Page 351 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 351
พระราชกฤษฎีกา หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้พระรำชกฤษฎีกำฉบับนี้ คือ เนื่องจำกกฎหมำยว่ำด้วยควำมรับผิด
ก ำหนดหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติ ทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ได้ก ำหนดหลักกฎหมำยเรื่องควำมรับผิดทำงละเมิดไว้แตกต่ำงจำกหลักในประมวล
กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภำพในกำรปฏิบัติหน้ำที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมและเกิดควำม
ควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นธรรมแก่เจ้ำหน้ำที่ และกำรจะน ำหลักกำรนี้ไปใช้บังคับกับหน่วยงำนใดที่มิใช่รำชกำรส่วนกลำง รำชกำร
พ.ศ. ๒๕๔๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ส่วนภูมิภำค รำชกำรส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสำหกิจที่จัดตั้งโดยระรำชบัญญัติหรือพระรำชกฤษฎีกำนั้น จะต้อง
ก ำหนดในพระรำชกฤษฎีกำอีกชั้นหนึ่ง สมควรก ำหนดหน่วยงำนของรัฐบำงแห่งเป็นหน่วยงำนของรัฐตำมกฎหมำย
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ว่ำด้วยควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ เพื่อให้เจ้ำหน้ำที่ของรัฐอยู่ในระบบควำมรับผิดอันเดียวกัน จึงจ ำเป็น
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๐ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๔๐ ต้องตรำพระรำชกฤษฎีกำนี้
เป็นปีที่ ๕๒ ในรัชกำลปัจจุบัน
พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมรำชโองกำรโปรดเกล้ำฯ ให้ประกำศว่ำ พระรำชกฤษฎีกำก ำหนดหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่
๓
โดยที่เป็นกำรสมควรก ำหนดให้หน่วยงำนของรัฐบำงแห่งเป็นหน่วยงำนของรัฐตำมกฎหมำย พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๖๒
ว่ำด้วยควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ มำตรำ ๒ พระรำชกฤษฎีกำนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป
อำศัยอ ำนำจตำมควำมในมำตรำ ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม หมำยเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใช้พระรำชกฤษฎีกำฉบับนี้ คือ โดยที่กองทุนพัฒนำสื่อปลอดภัย
โดยรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พุทธศักรำช ๒๕๓๘ และมำตรำ ๔ และสร้ำงสรรค์ ส ำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน ส ำนักงำนคณะกรรมกำรสุขภำพแห่งชำติ และส ำนักงำน
แห่งพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ มิได้มีฐำนะเป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนรำชกำรที่เรียกชื่อ
ให้ตรำพระรำชกฤษฎีกำขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ อย่ำงอื่นและมีฐำนะเป็นกรม รำชกำรส่วนภูมิภำค รำชกำรส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสำหกิจที่ตั้งขึ้นโดย
มำตรำ ๑ พระรำชกฤษฎีกำนี้เรียกว่ำ “พระรำชกฤษฎีกำก ำหนดหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติ พระรำชบัญญัติหรือพระรำชกฤษฎีกำ หำกแต่ได้รับกำรจัดตั้งให้มีฐำนะเป็นหน่วยงำนของรัฐประเภท
ควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ พ.ศ. ๒๕๔๐” หนึ่งตำมพระรำชบัญญัติกองทุนพัฒนำสื่อปลอดภัยและสร้ำงสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระรำชบัญญัติ
สุขภำพแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๕๐ และเป็นส่วนรำชกำรที่เป็นหน่วยงำนอิสระตำมรัฐธรรมนูญและมีฐำนะ
๑
มำตรำ ๒ พระรำชกฤษฎีกำนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจำกวันประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำเป็นต้นไป เป็นนิติบุคคล ตำมที่บัญญัติไว้ในพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยกำรตรวจเงินแผ่นดิน
มำตรำ ๓ ให้หน่วยงำนดังต่อไปนี้ เป็นหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิด พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระรำชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่ำด้วยคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตำมล ำดับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกำรก ำหนดให้เป็นหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิด
๒
(๖๔) ส ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ ทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และโดยที่พระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติให้กำรก ำหนดให้หน่วยงำนอื่นของรัฐเป็นหน่วยงำนของรัฐตำมกฎหมำยดังกล่ำว
มำตรำ ๔ ให้นำยกรัฐมนตรีรักษำกำรตำมพระรำชกฤษฎีกำนี้ ต้องตรำเป็นพระรำชกฤษฎีกำ ดังนั้น เพื่อให้เจ้ำหน้ำที่ของกองทุนพัฒนำสื่อปลอดภัยและสร้ำงสรรค์
เจ้ำหน้ำที่ของส ำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน เจ้ำหน้ำที่ของส ำนักงำนคณะกรรมกำรสุขภำพแห่งชำติ
ผู้รับสนองพระบรมรำชโองกำร และเจ้ำหน้ำที่ของส ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติซึ่งปฏิบัติหน้ำที่โดยสุจริตได้รับ
พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ควำมคุ้มครองตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิดของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงจ ำเป็นต้องตรำ
นำยกรัฐมนตรี พระรำชกฤษฎีกำนี้
๑ รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม ๑๑๔/ตอนที่ ๑๖ ก/หน้ำ ๑/๒๑ พฤษภำคม ๒๕๔๐
๒ มำตรำ ๓ (๖๔) เพิ่มเติมโดยพระรำชกฤษฎีกำก ำหนดหน่วยงำนของรัฐตำมพระรำชบัญญัติควำมรับผิดทำงละเมิด
ของเจ้ำหน้ำที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ๒๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓ รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๑๑๕ ก/หน้ำ ๑๗/๑ พฤศจิกำยน ๒๕๖๒
342