Page 56 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 56

กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ





                                                               หน้า   ๔๗
                     เล่ม   ๑๓๔   ตอนที่   ๔๐   ก           ราชกิจจานุเบกษา                    ๖   เมษายน   ๒๕๖๐


                              (๒)  มีอายุไม่ต่ํากว่าสามสิบห้าปี
                              (๓)  สําเร็จการศึกษาไม่ต่ํากว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
                              (๔)  มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

                              (๕)  ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
                              (๖)  ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา  ๙๘

                              (๗)  ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก  แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด  หรือมีการรอการลงโทษ
                     เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท  ความผิดลหุโทษ  หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
                              (๘)  ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุกระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา  ๑๘๖

                     หรือมาตรา  ๑๘๗  มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง
                              มาตรา  ๑๖๑  ก่อนเข้ารับหน้าที่  รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา

                     ดังต่อไปนี้
                              “ข้าพระพุทธเจ้า  (ชื่อผู้ปฏิญาณ)  ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า  ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี
                     ต่อพระมหากษัตริย์  และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน

                     ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
                              ในกรณีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนที่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ

                     ให้คณะรัฐมนตรีนั้นดําเนินการตามมาตรา  ๑๖๒  วรรคสองได้  ในกรณีเช่นนี้  ให้คณะรัฐมนตรีตามมาตรา  ๑๖๘  (๑)
                     พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมดังกล่าว
                              มาตรา  ๑๖๒  คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

                     ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ  แนวนโยบายแห่งรัฐ  และยุทธศาสตร์ชาติ  และต้องชี้แจงแหล่งที่มา
                     ของรายได้ที่จะนํามาใช้จ่ายในการดําเนินนโยบาย  โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ  ทั้งนี้  ภายในสิบห้าวัน

                     นับแต่วันเข้ารับหน้าที่
                              ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง  หากมีกรณีที่สําคัญและจําเป็นเร่งด่วน  ซึ่งหากปล่อยให้
                     เนิ่นช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สําคัญของแผ่นดิน  คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดําเนินการไปพลางก่อน

                     เพียงเท่าที่จําเป็นก็ได้
                              มาตรา  ๑๖๓  รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมและแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็น

                     ในที่ประชุมสภาแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน  เว้นแต่เป็นการออกเสียงลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎร
                     ในกรณีที่รัฐมนตรีผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย  และให้นําเอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา  ๑๒๔
                     มาใช้บังคับโดยอนุโลม

                              มาตรา  ๑๖๔  ในการบริหารราชการแผ่นดิน  คณะรัฐมนตรีต้องดําเนินการตามบทบัญญัติ
                     แห่งรัฐธรรมนูญ  กฎหมาย  และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา  และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย

                              (๑)  ปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์  สุจริต  เสียสละ  เปิดเผย  และมีความรอบคอบ
                     และระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ  เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม




                                                                                                            47




                         .indd   47                                                                               27/8/2562   12:26:57
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61