Page 11 - สิทธิชุมชนในมุมมองระดับโลก
P. 11

ข้องแวะอะไรกับสิทธิกลุ่มชนด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม  อันล้วนเป็นสิทธิประเภท ‚ฝันเฟื่อง‛

                  นั่นเอง

                         เมื่อสภาพการณ์เป็นเช่นนี้ เสรีนิยมตะวันตกจึงเปลี่ยนโฉมไปสู่การแบ่งแยกชัดเจนระหว่าง
                  ฝ่ายที่มีกับฝ่ายที่ไม่มี  ฝ่ายรวยกับฝ่ายจน  ฝ่ายปกครองกับฝ่ายถูกปกครอง  การครอบง ากับเสรีภาพ

                  ไม่ว่าเราจะมองจากมุมไหน  ก็จะเห็นสภาพปัญหาท านองเดียวกันนี้  และหลังจากยุคปฏิวัติ
                  อุตสาหกรรม  การเมืองของฝ่ายที่มี  ซึ่งมีรากฐานอยู่ที่สิทธิในทรัพย์สินแบบตะวันตก ก็พัฒนาอย่าง

                  รวดเร็วขึ้นเป็นลัทธิบูชาเทวรูปแห่งทุนนิยมอุตสาหกรรม  ซึ่งมีสามง่ามไว้คอยจัดการกับมนุษย์
                  ธรรมชาติ และตลาด  ทั้งหมดนี้กระท าในนามของวิชาเศรษฐศาสตร์  ซึ่งมี อะดัม สมิธ  ผู้มีชื่อเสียง

                  เป็นต้นคิด จากนั้นมาระบบเศรษฐกิจก็เข้าครอบง าสังคม  และในการนี้ ดังที่  คาร์ล โปลองยี  นัก
                  ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจคนส าคัญได้กล่าวไว้  ‚หมายความไม่น้อยไปกว่าการที่สังคมกลายเป็นส่วนต่อ

                  ของตลาด   และแทนที่เศรษฐกิจจะเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ทางสังคม  ความสัมพันธ์ทางสังคม
                                                      9
                  กลับตกเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ‛    ตามกรอบแนวความคิดแบบนี้  มนุษย์จึงถูกตีค่าและ
                  ปฏิบัติในฐานะเพียงหน่วยย่อยของแรงงาน  และธรรมชาติก็ถูกตีค่าและปฏิบัติในฐานะเพียงวัตถุดิบ
                  และทั้งแก่นสารทางธรรมชาติและความเป็นมนุษย์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นสังคม  ต่างก็ถูกแปรเปลี่ยนให้

                  กลายเป็นสินค้าทางวัตถุ  จึงต้องตกอยู่ภายใต้กลไกตลาด  ซึ่งยึดมั่นกันว่าเป็นกลไกที่ก ากับดูแลตัว
                  มันเอง  อยู่เหนือการควบคุมทางสังคม  นี้ก็คือกระบวนการในประวัติศาสตร์ที่ท าให้เศรษฐกิจแบบ

                                                                                                       10
                  ตลาดถือก าเนิดขึ้นในสังคมพาณิชย์นิยม   น ามาซึ่งลัทธิความเชื่อในการค้าเสรีและระบบตลาดเสรี
                  และทั้งหมดนี้ก็เป็นไปเพื่อความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและการสั่งสมทุนอย่างไม่รู้จบ

                         บนพื้นฐานอุดมการณ์สุดขั้วดังกล่าว   การจัดตั้งอาณานิคมและการเข้าถือครองธรรมชาติก็
                  รุดหน้าไปอย่างเต็มก าลังนับแต่นั้นมา  ตรงนี้เราย่อมเห็นได้ชัดว่าข้อบัญญัติว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพ

                  แบบตะวันตกเข้ามีบทบาทอย่างไร   โดยอิงอาศัยกรอบความคิดว่าด้วยปัจเจกชนนิยม  สิทธิใน
                  ทรัพย์สินและหลักนิติธรรม   ในบรรดาองค์ประกอบเหล่านี้ส่วนที่ส าคัญที่สุดนั้นอยู่ที่สิทธิในทรัพย์สิน

                  ซึ่งตามทฤษฎีมูลค่าที่ยึดถือกันมานานนับสามศตวรรษของ  จอห์น  ล้อก   ถือว่าเกิดจากการที่บุคคล
                  ใช้แรงงานของตนตักตวงเอาทรัพยากรจากธรรมชาติ   นี่เป็นจุดเริ่มต้นของทุน  และผลที่ตามมานั้น

                  เป็นดังที่ วันทนา  ศิวะ   กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า

                         “...มีเพียงทุนเท่านั้นที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธรรมชาติที่ถูกถือครอง   และดังนั้น

                         จึงมีเพียงผู้ที่เป็นเจ้าของทุนเท่านั้น  ที่มีสิทธิตามธรรมชาติที่จะเป็นเจ้าของ
                         ทรัพยากรธรรมชาติ   กลายเป็นสิทธิที่หักล้างสิทธิของผู้อื่นที่เคยมีร่วมกันในการถือ
                         ครองมาก่อน   ทุนจึงนับเป็นแหล่งที่มาของเสรีภาพ   แต่เสรีภาพที่ว่านี้มีพื้นฐานอยู่

                         บนการปฏิเสธเสรีภาพให้กับผืนแผ่นดิน ป่า แม่น้ า และความหลากหลายทาง
                         ชีวภาพ ซึ่งล้วนถูกทุนอ้างสิทธิเข้าเป็นเจ้าของ”
                                                                 11

                         และในโลกอุตสาหกรรมของตะวันตก   ทั้งหมดนี้ก็เป็นที่ยึดถือกันว่า  เป็นเรื่องของเสรีภาพ
                  ทางเศรษฐกิจและปฏิสัมพันธ์ของพลังทางการตลาด!   วันทนา  ศิวะ  ใส่ฉลากให้แก่กระบวนการนี้

                  อย่างเหมาะสม   ว่าเป็นการขโมยและการปล้นสะดม   ไม่เพียงแต่เสรีภาพของผู้คนและสิทธิของกลุ่ม



                                                             ๙
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16