Page 188 - ภาษาเพศในสังคมไทย : อำนาจ สิทธิและสุขภาวะทางเพศ
P. 188

บทที่ 4 เพศวิถี: หญิงรักหญิง  171

                               เพศภาวะ เพราะถาดี้ไมเดินกับทอม หรือเปดเผยตนเองวาชอบทอม หรือมีคู
                               เปนทอม “ดี้” ก็ไมตางอะไรจากผูหญิงทั่วไปคนหนึ่ง
                                     แมวาภายนอกความเปน “ทอม” จะถูกรับรู และมองเห็นจากภายนอก

                               ไดชัดเจนกวาความเปน “ดี้” และอาจดูเหมือนวาความเปน “ดี้” จะปรากฏชัดขึ้น
                               ก็ตอเมื่ออยูคูกับความเปนทอมเทานั้น ทําใหคนทั่วไปมักเหมารวมความสัมพันธ

                               ระหวางผูหญิงกับผูหญิงดวยกัน จํากัดอยูแตในรูปของคูความสัมพันธแบบ
                               “ทอม-ดี้”  ซึ่งเปนผลมาจากอิทธิพลของมุมมองความคิดความเชื่อเรื่องเพศ
                               ภายใตกรอบความสัมพันธแบบขั้วตรงขาม คือระหวางความเปนชาย กับความ
                               เปนหญิง โดยทอมเปนภาพตัวแทนของความเปนชาย และดี้คือภาพตัวแทน

                               ของความเปนหญิง
                                     นอกจาก 3 คําที่กลาวมา ยังมีคําอื่นๆ อีกที่เกี่ยวของกับการนิยามตัวตน
                               และพฤติกรรมของผูหญิงที่รักเพศเดียวกัน โดยอาจแบงไดคราวๆ เปน 2 กลุม

                               คือ คําที่สังคมหรือคนทั่วไปใชเรียกหญิงรักหญิง (หรือพฤติกรรมที่ผูหญิงมี
                               เพศสัมพันธกับผูหญิง) มักเปนคําที่มีนัยในเชิงอคติ ลอเลียน หรือดูหมิ่น เชน คําวา
                               “ตีฉิ่ง”  ที่เปนคําลอเลียน รูปแบบพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธระหวางผูหญิงกับ
                               ผูหญิง หรือคําในภาษาลานนาที่ใชเรียกผูหญิงที่มีบุคลิก หรือมีพฤติกรรมเปน

                               ชายวา “ปู” (มีความหมายเดียวกับคําวา “ผู” หรือ “ตัวผู” โดยเปนคําสรอยที่
                               นํามาเรียกตอทายชื่อของบุคคลที่ถูกมองวาเปนปู เปนตน) ซึ่งไมใชแคคําเรียก
                               หรือคําที่ใชแทนพฤติกรรมหรือการกระทําทางเพศและสงผลใหคนมองภาพ

                               หญิงรักหญิงในเชิงลบเทานั้น หากภายใตคําเรียกแตละคํายังแฝงนัยที่สะทอนถึง
                               ความเขาใจผิด และอคติทางเพศที่มีตอคนรักเพศเดียวกันในเวลาเดียวกันดวย
                               เชน เมื่อพูดถึง ทอม-ดี้ คนจํานวนไมนอยก็จะนึกถึงผูที่มีพฤติกรรมที่ไมปกติ

                               เปนผูที่มีอารมณรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลของสื่อที่มักนําเสนอภาพในดานลบ
                               ดานเดียวของคนรักเพศเดียวกันวา เปนผูที่มักจะใชความรุนแรงเปนทางออก
                               ในการแกไขปญหาเสมอ

                                     ในสวนของคําที่หญิงรักหญิงใชนิยามความเปนตัวเอง สวนใหญเปนคํา
                               ที่ใชในอยูในวงจํากัด หรือเปนคําเฉพาะกลุมมากกวา ยังไมไดแพรหลายออกไป
                               ในวงกวาง และเปนคําที่เกิดมาจากเว็บไซตชุมชนหญิงรักหญิงบนโลกอินเทอรเน็ต
                               ในชวงเวลาประมาณ 4-5 ปมานี้ เชนคําวา



                                                        สุไลพร  ชลวิไล
   183   184   185   186   187   188   189   190   191   192   193