Page 92 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 92

๗๗


                                        (๔) สรุป

                                                การด่าเนินการตามกรณีศึกษาดังกล่าว เมื่อครั้งที่ผู้ป่วยโรคเอดส์
                   ยังมีชีวิตอยู่ เขามีสิทธิในชีวิตและร่างกายและมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจาก

                   ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด ซึ่งสิทธิต่างๆ ดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของ  “ศักดิ์ศรี

                   ความเป็นมนุษย์” ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๔ ได้บัญญัติ
                   ให้ความคุ้มครองไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จึงมิได้สิ้นสุดลงพร้อมกับ

                   ความตายของบุคคลนั้นแต่อย่างใด  ซึ่งการน่าศพผู้ป่วยเอดส์มาแสดงโดยไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม
                   พร้อมแสดงประวัติผู้ตายว่าประกอบอาชีพอะไร หรือใช้ชีวิตแบบใดจึงติดเชื้อ เช่น ขายบริการ

                   หรือใช้ยาเสพติด เป็นต้น แม้ว่ากรณีดังกล่าวผู้เสียชีวิตได้ท่าหนังสือแสดงความยินยอมให้น่าศพไปใช้
                   เพื่อการศึกษาได้และการน่าศพมาแสดงก็มีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ผู้คนเกรงกลัว

                   ต่อโรคเอดส์ก็ตาม แต่การกระท่าดังกล่าวย่อมจะมีผลเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และ

                   สิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้ตาย เนื่องจากเป็นการน่าร่างกายและรายละเอียดส่วนบุคคลมาเผยแพร่
                   ต่อสาธารณะ ดังนั้น หากจ่าเป็นที่จะต้องมีการน่าศพมาแสดงเพื่อจะให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้

                   บุคคลอื่นๆ ระมัดระวังมิให้ติดเชื้อ HIV ก็อาจจะกระท่าโดยความระมัดระวังในการแสดงประวัติบุคคล

                   มิให้มีลักษณะที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศของผู้นั้น เช่น จะต้องไม่มีการเปิดเผย
                   รายละเอียดส่วนตัวของบุคคล เช่น ชื่อ – สกุล  ที่อยู่ อาชีพ ของผู้ตาย เป็นต้น

                                                อนึ่ง นอกจากสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวจะได้รับการรับรองและ

                   คุ้มครองแม้กระทั่งบุคคลนั้นได้ถึงแก่ความตายไปแล้วดังกล่าวข้างต้น กรณีเด็กในครรภ์มารดาซึ่งยังไม่มี
                   สภาพบุคคลก็ย่อมได้รับการรับรองและคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน ถึงแม้สภาพบุคคล

                   ตามประมวลกฎหมายแพ่งจะเริ่มต้นเมื่อมีคลอด แต่เนื่องจาก “สิทธิความเป็นอยู่ส่วนตัว”
                   ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “สิทธิในชีวิตและร่างกาย” ที่เป็นสิทธิติดตัวปัจเจกบุคคลมาตั้งแต่เกิด

                   เป็นสิทธิของปัจเจกบุคคลที่มีอยู่ในสภาวะธรรมชาติ สิทธิในชีวิตและร่างกายจึงไม่อาจจะถูกพราก

                   ไปจากบุคคลได้ แต่ในทางตรงกันข้ามอาจท่าให้ได้รับหลักประกันมากขึ้นโดยบทบัญญัติกฎหมาย
                   สิทธิในชีวิตและร่างกายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่จ่าเป็นอย่างยิ่งต่อการด่ารงอยู่ของมนุษย์

                   และเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีอิสระที่จะก่าหนดตนเองได้ตามเจตจ่านงที่ตนประสงค์
                   จากการที่มนุษย์มีเจตจ่านงโดยอิสระในอันที่จะสร้างสภาพแวดล้อมของตนเองหรือพัฒนาบุคลิกภาพ

                   ของตนเองนี้เองที่ท่าให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการเคารพในสิทธิในชีวิต

                   และร่างกายของปัจเจกบุคคล บุคคลแต่ละคนจึงต้องเคารพในขอบเขตส่วนบุคคลของแต่ละคน
                   และด้วยเหตุนี้ สิทธิในชีวิตและร่างกายจึงเป็นรากฐานอันส่าคัญของ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ซึ่งคุณค่า

                   อันมีลักษณะเฉพาะของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการท่าให้เป็นจริงของบุคคลใด

                   บุคคลหนึ่ง ดังนั้น กรณีจึงอาจเป็นการแทรกแซงในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะยังไม่ถือ
                   ก่าเนิดหรือบุคคลนั้นได้ตายไปแล้วก็ตาม ดังนั้น ในกรณีนี้จังไม่อาจจะอาศัยหลักสิทธิเรียกร้องในทางแพ่ง

                   มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97