Page 115 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 115

๑๐๐


                                             โดยนัยดังกล่าว การใช้ชีวิตในห้องขังของผู้ต้องขังในเรือนจ่า

                   หรือการประพฤติปฏิบัติของบุคคลในสถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดตามวิถีของตนย่อมเป็นสิทธิในความเป็นอยู่
                   ส่วนตัวซึ่งได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติมาตรา ๔   และมาตรา ๓ ๕   ของรัฐธรรมนูญ

                   แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ในอันที่บุคคลใดจะล่วงละเมิดโดยมิชอบด้วยกฎหมายมิได้

                   โดยนัยดังกล่าว สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวย่อมตกอยู่ในความหมายของค่าว่า “สิทธิมนุษยชน”
                   ตามนัยที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒

                                           ประเด็นที่สอง การที่เจ้าหน้าที่เรือนจ่าจะท่าการติดตั้งกล้องโทรทัศน์
                   วงจรปิดในห้องขังของผู้ต้องขังก็ดี หรือการติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในโรงภาพยนตร์ เป็นการแทรกแซง

                   สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของผู้ต้องขังหรือของผู้มาใช้บริการของโรงภาพยนตร์ อันเป็นการละเมิดสิทธิ
                   มนุษยชนของผู้ต้องขังหรือบุคคลนั้นหรือไม่

                                             เมื่อการใช้ชีวิตในห้องขังของผู้ต้องขังในเรือนจ่าและการประพฤติปฏิบัติ

                   ตนของบุคคลในสถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดเป็นสิทธิที่เกี่ยวด้วยสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับที่พัก
                   อาศัยซึ่งจะต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จึงก่อให้เกิดหน้าที่หรือความผูกพันต่อบุคคลอื่นที่จะต้อง

                   เคารพต่อสิทธิดังกล่าวโดยไม่กระท่าการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานนั้นโดยมิได้รับความยินยอม

                   โดยชัดแจ้งของผู้ต้องขังหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นแต่อย่างใด โดยนัยดังกล่าว การที่เจ้าหน้าที่เรือนจ่าจะ
                   ท่าการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในห้องขังของผู้ต้องขังก็ดี หรือการติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในโรง

                   ภาพยนตร์ตามกรณีศึกษา จึงเป็นการแทรกแซงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของผู้ต้องขังหรือผู้มาใช้

                   บริการของโรงภาพยนตร์ อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังหรือบุคคลนั้น
                                           ประเด็นที่สาม การด่าเนินการดังกล่าวเป็นการด่าเนินการตามอ่านาจ

                   หน้าที่ตามกฎหมายโดยองค์กรของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นสิ่งจ่าเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
                   และได้สัดส่วนกับวัตถุประสงค์นั้นหรือไม่

                                             ต่อประเด็นปัญหาดังกล่าว ศาลแห่งยุโรปด้านสิทธิมนุษยชนได้เคยวินิจฉัย
                             ๙๗
                   ไว้ในคดีหนึ่ง  ว่าการแยกขังเดี่ยว การควบคุมนักโทษโดยระบบวงจรปิด การไม่อนุญาตให้ฟังวิทยุหรือ
                   ดูโทรทัศน์ หรือการไม่อนุญาตให้ออกก่าลังกายนั้น จะกระท่าได้โดยเฉพาะต่อนักโทษที่มีพฤติการณ์

                   น่าอันตรายอย่างร้ายแรง หรือเพื่อให้มีการรักษาวินัยของเรือนจ่าเคร่งครัดขึ้นเท่านั้น
                                             คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เคยพิจารณาประเด็นปัญหา

                                 ๙๘
                   ในเรื่องนี้มาแล้ว  โดยเห็นว่าการพิจารณาเรื่องนี้จะต้องชั่งน้่าหนักระหว่างสิทธิความเป็นอยู่ส่วนตัว
                   ของบุคคลกับประโยชน์ของสาธารณะที่รัฐมีหน้าที่ต้องคุ้มครอง เช่น ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
                   ความมั่นคงของประเทศ เป็นต้น เมื่อแสดงให้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าประโยชน์สาธารณะต่างๆ เหล่านั้น

                   มีความส่าคัญและจ่าเป็น “เหนือกว่า” เรื่องส่วนตัวของบุคคล ก็สามารถด่าเนินการได้ตามข้อยกเว้น


                          ๙๗
                             รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิผู้ต้องหา จ่าเลย และผู้ต้องโทษในคดีอาญา อ้างแล้วเชิงอรรถที่ ๑๘
                          ๙๘  ความเห็นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ภายในพื้นที่

                   ควบคุมหรือในห้องพักผู้ต้องสงสัย
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120