Page 104 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 104
๘๙
ประเด็นที่สอง การที่สื่อมวลชนถ่ายภาพผู้เสียหายในคดีล่วงละเมิด
ทางเพศแล้วน่าไปตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือการที่บุคคลติดตามถ่ายภาพบุคคลอื่นในลักษณะคุกคาม
โดยบุคคลผู้ถูกถ่ายภาพนั้นไม่ได้ให้ความยินยอม เป็นการแทรกแซงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
ของผู้ถูกถ่ายภาพนั้น อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลนั้นหรือไม่
เมื่อการถ่ายภาพบุคคลเป็นสิทธิของบุคคลอันเกี่ยวด้วยสิทธิ
ในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลเกี่ยวกับเนื้อตัวร่างกาย ในลักษณะที่เกี่ยวด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น สิทธิของบุคคลดังกล่าวย่อมจะต้องได้รับการเคารพจากบุคคลอื่นใด
ในอันที่จะต้องไม่ถ่ายหรือบันทึกภาพของบุคคลอื่นโดยที่บุคคลนั้นมิได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง
หรือในลักษณะเป็นการคุกคามสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลนั้น โดยนัยดังกล่าว
การที่สื่อมวลชนถ่ายภาพผู้เสียหายในคดีล่วงละเมิดทางเพศแล้วน่าไปตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ หรือการที่
บุคคลติดตามถ่ายภาพบุคคลอื่นในลักษณะคุกคามโดยบุคคลผู้ถูกถ่ายภาพนั้นไม่ได้ให้ความยินยอม
เป็นการแทรกแซงสิทธิ ในความเป็นอยู่ส่วนตัวของผู้ถูกถ่ายภาพนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และเป็นการกระท่าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุคคลนั้น
แม้ว่ามาตรา ๔๕ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้ก่าหนดบทบัญญัติคุ้มครองการท่าหน้าที่ของสื่อมวลชนไว้ว่า “การห้าม
หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้ จะกระท ามิได้ เว้นแต่โดยอาศัย
อ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งได้ตราขึ้นตามวรรคสอง” และมาตรา ๔๕ วรรคสอง บัญญัติว่า
“การจ ากัดสิทธิเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระท ามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแห่ง
กฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิใน
ครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของ
ประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน” อย่างไรก็
ตาม เมื่อพิจารณาบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว จะเห็นได้อย่างขัดแจ้งว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ของบุคคลและสื่อมวลชนเป็นเสรีภาพที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งการคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
ของบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิอันเกี่ยวด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่จะต้องได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๔
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ โดยไม่ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขอื่นแต่อย่างใด
ส่าหรับหลักเกณฑ์ของกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวกับกรณีการถ่ายภาพ
ของผู้อื่นโดยผู้ที่ถูกถ่ายภาพนั้นไม่ได้ให้ความยินยอมและน่าไปพิมพ์เผยแพร่นั้น คณะผู้วิจัยขอยก
กฎหมายของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกามา
ประกอบการพิจารณา ดังนี้