Page 102 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 102
๘๗
ของผู้ฟ้องคดีนั้น เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายก่าหนดให้ต้องปฏิบัติ จึงน่าคดีมาฟ้อง
ต่อศาลปกครอง ขอให้มีค่าพิพากษาหรือค่าสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีด่าเนินการลอกแผ่นป้ายโฆษณา
ออกจากกระจกหน้าต่างของตู้รถโดยสารทุกสายทั่วประเทศและท่าความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้โดยสาร
ของขบวนรถไฟทุกขบวนให้สะอาด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า มาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟ
แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอ่านาจหน้าที่ในการจัดท่ากิจการรับขนส่ง
ผู้โดยสาร สินค้า พัสดุภัณฑ์และของอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟซึ่งบริการสาธารณะ โดยในการ
จัดท่ากิจการสาธารณะดังกล่าวนอกจากจัดให้มีขบวนรถไฟส่าหรับขนส่งผู้โดยสาร สินค้า พัสดุภัณฑ์ และ
ของอื่น ๆอย่างเพียงพอแก่ความต้องการของประชาชนแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องดูแลรักษาส่วนต่าง ๆของ
ตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟซึ่งเป็นเครื่องมือส่าคัญที่ใช้ในการจัดท่าบริการสาธารณะดังกล่าวเช่น
ที่นั่ง ที่นอนของผู้โดยสาร รวมทั้งประตูหน้าต่างของตู้รถโดยสารให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีและสามารถ
อ่านวยความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารได้ตามสมควร ซึ่งในส่วนของหน้าต่างนั้น
รถโดยสารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารส่วนบุคคล หรือรถโดยสารสาธารณะและไม่ว่าจะเป็น
รถโดยสารปรับอากาศหรือรถโดยสารไม่ปรับอากาศ จะต้องมีหน้าต่าง โดยหน้าต่างรถโดยสาร
มิได้มีไว้เพียงเพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกรถเข้าไปในรถได้เท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อให้ผู้โดยสาร
สามารถมองเห็นสรรพสิ่งที่อยู่นอกรถเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในระหว่างที่อยู่ในรถ
และระแวดระวังภยันตรายที่อาจจะมีจากภายนอกรถอีกด้วย รถโดยสารที่ไม่มีหน้าต่าง
จึงไม่อาจเรียกได้ว่ารถโดยสารแต่เป็นรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ และต้องถือว่าผู้ให้บริการ
รถโดยสาธารณะที่ไม่มีหน้าต่างปฏิบัติต่อผู้โดยสารเยี่ยงวัตถุซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ของผู้โดยสาร ดังนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องมีหน้าที่ที่จะต้องจัดให้ตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟทุกขบวน
มีหน้าต่างและดูแลรักษาหน้าต่างตู้รถโดยสารทุกคันให้อยู่สภาพที่สามารถใช้การได้สมวัตถุประสงค์
ของการจัดให้มีหน้าต่างการที่ผู้ถูกฟ้องคดีท่าสัญญาเช่าติดตั้งป้ายโฆษณาที่กระจกหน้าต่างรถโดยสาร
ได้ด้วย จึงเป็นการใช้หน้าต่างรถโดยสารแสวงหารายได้จนท่าให้ผู้โดยสารไม่อาจใช้ประโยชน์จากหน้าต่าง
รถโดยสารตามวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่างได้ตามที่ควรจะเป็น ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่
ในการจัดท่ากิจการรับขนส่งผู้โดยสารซึ่งเป็นการบริการสาธารณะตามที่กฎหมายก่าหนดให้ต้องปฏิบัติ
ศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีด่าเนินการขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาออกจากกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสาร
และท่าความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสารรถไฟทุกคันให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่
ศาลมีค่าพิพากษา
(๔) สรุป
การที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งปิดป้ายโฆษณาบนหน้าต่างรถโดยสาร
ประจ่าทาง บนหน้าต่างตู้รถไฟหรือตู้รถไฟฟ้า อันเป็นการบดบังทัศนียภาพภายนอกตามกรณีศึกษา
เป็นการแทรกแซงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้โดยสาร