Page 101 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 101
๘๖
อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายของผู้โดยสาร ในกรณีที่ผู้โดยสารมองเห็นว่ามีเหตุอันตราย
หรืออุบัติภัยใดๆ เกิดขึ้นภายนอก หรือในทางกลับกัน ในกรณีที่มีเหตุอันตรายเกิดขึ้นภายในรถโดยสาร
เพื่อที่บุคคลภายนอกจะได้สังเกตเห็นและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารได้ทันท่วงที การมองเห็น
ทัศนีภาพภายนอกรถโดยสารในระหว่างการเดินทางจึงเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลอันเกี่ยวด้วย
สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย ในลักษณะที่เป็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
และจะต้องได้รับการคุ้มครองตามนัยแห่งสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวตามข้อ ๑๒ แห่งปฏิญญาสากล
ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และข้อ ๘ วรรคหนึ่ง ของอนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
และเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
โดยนัยดังกล่าว สิทธิเสรีภาพของบุคคลที่จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอก
ในระหว่างการเดินทางบนรถโดยสารประจ่าทาง รถไฟ หรือรถไฟฟ้า ย่อมอยู่ในขอบเขตแห่งสิทธิ
ในความเป็นอยู่ส่วนตัวซึ่งได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติมาตรา ๔ และมาตรา ๓๕ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ในอันที่บุคคลใดจะล่วงละเมิดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
มิได้ โดยนัยดังกล่าว สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวย่อมตกอยู่ในความหมายของค่าว่า “สิทธิมนุษยชน”
ตามนัยที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
ประเด็นที่สอง การที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งปิดป้ายโฆษณาบนหน้าต่าง
รถโดยสารประจ่าทาง บนหน้าต่างตู้รถไฟหรือตู้รถไฟฟ้า อันเป็นการบดบังทัศนียภาพภายนอก
เป็นการแทรกแซงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้โดยสารหรือไม่
เมื่อการมองเห็นทัศนีภาพภายนอกรถโดยสารในระหว่างการเดินทาง
เป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลอันเกี่ยวด้วยสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลเกี่ยวกับชีวิตร่างกาย
ในลักษณะที่เป็นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น สิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลดังกล่าว
ย่อมจะต้องได้รับการเคารพจากบุคคลอื่นใดในอันที่จะต้องไม่กระท่าการใดๆ อันเป็นการกระทบต่อสิทธิ
เสรีภาพดังกล่าว โดยนัยดังกล่าว การที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งปิดป้ายโฆษณาบนหน้าต่างรถโดยสาร
ประจ่าทาง บนหน้าต่างตู้รถไฟหรือตู้รถไฟฟ้า อันเป็นการบดบังทัศนียภาพภายนอก ย่อมเป็นการ
แทรกแซงสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของผู้โดยสารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการกระท่าอันเป็น
การละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีค่าวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
ดังกล่าวในคดีที่ อ. ๒๓๑/๒๕๕๐ ซึ่งสรุปสาระส่าคัญได้ว่า ผู้โดยสารรถไฟขบวนด่วนพิเศษกรุงเทพฯ-
เชียงใหม่ เป็นประจ่า ได้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่การรถไฟ
แห่งประเทศไทย (ผู้ถูกฟ้องคดี) อนุญาตให้เอกชนด่าเนินการติดตั้งแผ่นป้ายโฆษณาบริเวณกระจก
หน้าต่างภายนอกตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟ ท่าให้ผู้โดยสารรถไฟไม่อาจมองเห็นทิวทัศน์สองข้างทาง
รถไฟได้อย่างชัดเจน และยังท่าให้เกิดอาการตาพร่ามัวและคลื่นไส้ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องทุกข์
ต่อผู้ถูกฟ้องคดีเพื่อให้ขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาดังกล่าวออกจากหน้าต่างตู้รถโดยสารแล้ว
แต่ไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ด่าเนินการตามค่าร้องเรียน