Page 67 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 67

65
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     จัดการชุมนุม ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็นธุระในการขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงในการชุมนุม เพราะจะ

                     ทำาให้มีบุคคลหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องมีความรับผิดชอบเกินกว่าหน้าที่ของเขาโดยไม่มีเหตุ
                     อันควร

                                ประเด็นที่ ๒ การกำาหนดให้ “ศาล” เข้ามามีบทบาทและอำานาจหน้าที่เกี่ยวกับการ

                     ชุมนุมสาธารณะมีความไม่เหมาะสมบางประการ ดังนี้
                                     ๒.๑  การบัญญัติเฉพาะเจาะจงให้ศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มีเขตอำานาจเหนือ

                     สถานที่ที่มีการชุมนุมมีอำานาจพิจารณาวินิจฉัยคดีตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ
                                          พระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๑๖  บัญญัติให้ศาลจังหวัดมีอำานาจ

                     พิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญาทั้งปวง และมาตรา ๑๗ บัญญัติให้ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
                     และศาลแพ่งธนบุรี มีอำานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งทั้งปวง  ในขณะที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาล

                     ปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำานาจพิจารณา
                     พิพากษาหรือมีคำาสั่งในเรื่องเกี่ยวกับ  (๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือ

                     เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำาการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำาสั่ง หรือการกระทำาอื่นใด
                     เนื่องจากกระทำาโดยไม่มีอำานาจหรือนอกเหนืออำานาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่

                     ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำาคัญที่กำาหนดไว้สำาหรับการกระทำานั้น หรือโดย
                     ไม่สุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่

                     จำาเป็นหรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ  (๒) คดีพิพาท
                     เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำาหนด

                     ให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร  (๓) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำาละเมิด
                     หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำานาจ

                     ตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำาสั่งทางปกครอง หรือคำาสั่งอย่างอื่นหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่
                     กฎหมายกำาหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร  (๔) คดีที่มีกฎหมายกำาหนด

                     ให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำาหรือ
                     ละเว้นการกระทำาอย่างหนึ่งอย่างใด

                                          เขตอำานาจของศาลปกครอง และศาลยุติธรรม (ในส่วนคดีแพ่ง) ได้มี
                     กฎหมายบัญญัติขอบเขตการใช้อำานาจไว้อย่างชัดแจ้ง กล่าวคือ หากเป็นคดีแพ่งจะอยู่ในเขตอำานาจ

                     ของศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลจังหวัด ฯลฯ แล้วแต่กรณี  และหากเป็นคดี
                     ปกครอง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๒๓ และพระราชบัญญัติ

                     จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ บัญญัติให้อยู่ในเขตอำานาจของศาล
                     ปกครอง ซึ่งหมายความถึง ศาลปกครองกลางและศาลปกครองในภูมิภาคที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดต่างๆ

                     ของประเทศ
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72