Page 66 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 66

64  ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                  สาธารณะ จึงควรกำาหนดชื่อของกฎหมายที่แสดงความหมายให้ตรงกับเจตนารมณ์ที่จะมุ่งส่งเสริมและ

                  คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะของประชาชน

                        ๔.๓  ขอบเขตเนื้อหาของกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ


                             เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะนี้จะต้องอนุวัติการตามรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๓  จึงควรพิจารณาข้อกฎหมาย ข้อมูล และ
                  ปัญหาเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันประกอบด้วย  โดยคำานึงถึงเจตนารมณ์

                  ของรัฐธรรมนูญที่มุ่งคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนเป็น

                  ด้านหลัก และมีความสำาคัญมากกว่าการให้อำานาจรัฐในการจำากัดเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นเพียง
                  ข้อยกเว้น  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาแล้วมีความเห็นและข้อเสนอแนะตามที่
                  คณะอนุกรรมการฯ ได้นำาเสนอในประเด็นสำาคัญของร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ....

                  (ฉบับที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี) ดังนี้

                             ประเด็นที่ ๑  คำานิยาม

                                  ๑.๑  “การชุมนุมสาธารณะ” ควรหมายถึง การชุมนุมที่บุคคลใดๆ มารวมตัวกัน
                  เพื่อแสดงออกให้รัฐหรือรัฐบาลทราบเกี่ยวกับความประสงค์ที่ต้องการสนับสนุน เรียกร้องหรือคัดค้าน

                  กฎหมาย นโยบาย การกระทำา การดำาเนินการในโครงการหรือกิจกรรม หรือท่าทีอย่างหนึ่งอย่างใด
                  โดยไม่จำาเป็นต้องเป็นสมาชิก และไม่จำาเป็นต้องมีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด

                  ของผู้เข้าร่วมการชุมนุมนั้น เพียงแต่มีเจตนำานง มีความประสงค์ หรือมีความเห็นพ้องและมาชุมนุม
                  ร่วมกัน

                                  ๑.๒  กฎหมายที่ตราขึ้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ย่อมมีผลใช้บังคับ
                  เป็นการทั่วไป  บุคคลไม่อาจอ้างความไม่รู้กฎหมาย มาเป็นข้ออ้างปฏิเสธความรับผิดทางกฎมาย

                  ดังนั้น กฎหมายที่ตราขึ้นจึงไม่ควรมีความซับซ้อนจนทำาให้ผู้ถูกบังคับใช้ทำาความเข้าใจบทบัญญัติ
                  กฎหมายได้ยาก จึงควรหลีกเลี่ยงการบัญญัติคำานิยามซ้อนคำานิยาม เพราะการรับรู้ความหมายของ

                  บทบัญญัติมีความซับซ้อนและเข้าใจยากยิ่งขึ้น เช่น “การชุมนุมสาธารณะ” หมายความว่า การชุมนุม
                  ของบุคคลในที่สาธารณะ และนำาเอาคำาว่า “ที่สาธารณะ” มากำาหนดนิยามว่า หมายถึง ทางหลวงและ

                  ทางสาธารณะ  และนำาเอาคำาว่า “ทางหลวง” และ “ทางสาธารณะ” มากำาหนดนิยามว่า “ทางหลวง”
                  หมายถึง ทางหลวงตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง และ “ทางสาธารณะ”  หมายถ ึง   ทางบกหร ือทางน้ำ  า

                  สำาหรับประชาชนใช้ในการจราจร
                                  ๑.๓  “ผู้จัดการชุมนุม” ควรหมายถึง ผู้ริเริ่มจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะเท่านั้น

                  ไม่ควรครอบคลุมถึงผู้เชิญชวนหรือผู้นัดหมายให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุม หรือผู้ขออนุญาตใช้สถานที่ หรือ
                  ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง เพราะร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้กำาหนดให้ “ผู้จัดการชุมนุม” มีหน้าที่

                  และความรับผิดหลายบทหลายมาตรา จึงไม่ควรรวมบุคคลที่เป็นเพียงผู้สนับสนุนช่วยเหลือผู้ริเริ่ม
   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71