Page 40 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 40
38 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
อาวุธ การผลักดันให้มีการสลายการชุมนุมอันเป็นการกระทำาทางปกครองที่จำากัดเสรีภาพในการ
ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ฟ้องคดีที่ ๒๔ กับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยชอบ
ด้วยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำาละเมิดต่อเสรีภาพในการชุมนุมด้วยการใช้อำานาจตามกฎหมาย
ทำาให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ฟ้องคดีที่ ๒๔ ได้รับความเสียหายโดยไม่อาจอยู่ชุมนุมต่อไปเพื่อรอยื่นหนังสือ
เสนอข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่จะมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่โรงแรม
เจ.บี. หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๕ ได้ ศาลปกครองสงขลาได้พิพากษาให้
ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ถึงผู้ฟ้องคดีที่ ๒๔
(๓) คำาพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ ๑๖๐๕/๒๕๕๑ วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๑ ๑๗
โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำารวจ
ในวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ มีประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำานวนมาก โดยประชาชนที่เข้าร่วม
การชุมนุมบริเวณรอบรัฐสภาขัดขวางมิให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเข้าประชุม
รัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งศาลปกครองกลางมีความเห็นว่า
การชุมนุมหน้ารัฐสภาดังกล่าวมิใช่การชุมนุมโดยสงบอันจะได้รับการคุ้มครองตามมาตรา ๖๓ ของ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางได้กำาหนด
กรอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำารวจในการสลายการชุมนุมนั้น จะต้องกระทำาเท่าที่จำาเป็น
โดยคำานึงถึงความเหมาะสม มีลำาดับขั้นตอนตามหลักสากลที่ใช้ในการสลายการชุมนุมของประชาชน
เจ้าหน้าที่ตำารวจไม่อาจดำาเนินการตามอำาเภอใจได้
(๔) คำาวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล โดยคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด
อำานาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๑๗/๒๕๔๕
กรณีมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า เมื่อมีการจัดตั้งศาลปกครองขึ้น ตามพระราช-
บัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แล้ว คดีข้อพิพาทในทางปกครอง
อยู่ในเขตอำานาจของศาลใด ซึ่งในเรื่องนี้ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล
ได้วินิจฉัยว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๗๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติ
ให้ศาลปกครองมีอำานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง ซึ่งมีลักษณะแห่งคดีที่บุคคลจะใช้สิทธิทางศาล
แตกต่างจากคดีประเภทอื่น ดังนั้น เมื่อศาลปกครองเปิดทำาการแล้ว ศาลอื่นย่อมไม่มีอำานาจรับ
คดีปกครองไว้พิจารณาพิพากษา
๑๗ อ้างแล้ว ๘ หน้า ๗-๘