Page 18 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 18

16  ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                  ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                  ขั้นพื้นฐาน  อันได้รับการรับรองและคุ้มครองจากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและ

                  สิทธิทางการเมือง  แบ่งได้เป็น ๔ ประเภท คือ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
                  สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย  สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการติดต่อ

                  สื่อสาร  และสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับการอยู่หรือพักอาศัย  แม้ประเทศไทยมีกฎหมาย
                  ให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มโดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ควบคุม

                  ข้อมูลเป็นเอกชน ประกอบกับสำานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติร่วมกับสถาบันวิจัยและ
                  ให้คำาปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ผศ.ดร.นนทวัชร์  นวตระกูลพิสุทธ์  คณะนิติศาสตร์

                  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยเรื่องปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและ
                  คุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว จึงเห็นควรจัดทำาเป็นข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการ

                  ปรับปรุงกฎหมายและกฎต่อไป

                             คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาและมีความเห็นว่า สำานักนายก-
                  รัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการฯ และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครอง
                  ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ควรบริหารจัดการให้มีมาตรการเพื่อประกันว่าเจ้าหน้าที่จะมีความเข้าใจและปฏิบัติ

                  หน้าที่เป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมายข้างต้นตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายที่แตกต่างกัน ควรผลักดัน

                  การตราพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ โดยกำาหนดเป็นหลักการว่า  วิธีคุ้มครองสิทธิ
                  ในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลในกฎหมายต่างๆ ให้เป็นไปตามที่กำาหนด  หรือ
                  ไม่ต่ำากว่ามาตรฐานที่กำาหนดในร่างพระราชบัญญัติฯ นี้  และระหว่างยังไม่มีกฎหมายนี้ควรกำาหนด

                  แนวปฏิบัติหรือคู่มือคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปพลางก่อน  มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

                  ในกิจการสื่อมวลชน  และบุคคลที่ควรได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษในกิจการดังกล่าว  บทบัญญัติใน
                  ร่างพระราชบัญญัติฯ ควรกำาหนดขั้นตอนให้สามารถปฏิบัติได้จริง ชัดเจน ไม่ยุ่งยาก ป้องกันการ
                  ฝ่าฝืนได้  ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายโดยไม่จำาเป็นแก่ผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิ

                  มีหรือใช้มาตรการเพื่อประกันว่าสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์

                  จะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย เก็บรักษา และแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับบริการ
                  สาธารณสุขที่สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมาตรฐานวิชาชีพ
                  โดยคำานึงถึงสิทธิของผู้ป่วยและประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยในการรักษาพยาบาล

                             ในเชิงกฎหมาย มีความเห็นว่า ควรทบทวนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล

                  ส่วนบุคคลฯ ในส่วนข้อยกเว้น เช่น มาตรา ๕ วรรคท้าย เนื่องจากเป็นการใช้กฎหมายที่มีสถานะ
                  กฎหมายลำาดับรองมายกเว้นกฎหมายลำาดับสูงกว่า มาตรา ๑๖ วรรคสาม เนื่องจากเปิดโอกาสให้มี

                  การทำาสัญญาสำาเร็จรูป ฯลฯ ทบทวนมาตรา ๔๐ วรรคแรก โดยให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเชิงธุรกิจ
                  หรือการพาณิชย์แจ้งหรือขึ้นทะเบียน หรือได้รับอนุญาตเมื่อก่อตั้งกิจการ ทบทวนมาตรา ๗

                  องค์ประกอบของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  โดยประธานคณะกรรมการไม่จำาเป็น
                  ต้องเป็นรัฐมนตรี ซึ่งอาจทำาให้ล่าช้า และคำานึงสัดส่วนหญิงและชาย  และมาตรา ๕๐ วรรคหนึ่ง
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23