Page 46 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยสาเหตุการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
P. 46
35
ที่จะต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาได้ทราบถึงสิทธินี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหา
ต้องแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าพนักงานด้วยว่าต้องการจะให้ทนายความหรือผู้ที่ตนไว้วางใจเข้าฟัง
การสอบปากค าของตนนั้นด้วย (หลังจากได้รับแจ้งสิทธิเช่นนั้นแล้ว) อย่างไรก็ตามกฎหมายไทย
ระบุให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาเพียงแค่ให้ทนายความหรือผู้ที่ผู้ต้องหาไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากค า
ของผู้ต้องหานั้นเท่านั้น ไม่ได้ให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาเลยไปถึงว่าจะปรึกษาหารือกับทนายความในช่วงเวลา
ของการให้ปากค านั้นเหมือนอย่างตามกฎหมายต่างประเทศที่กล่าวถึง แม้โดยสภาพอาจเป็นไปได้
ที่ผู้ต้องหาจะใช้โอกาสที่มีทนายความอยู่ด้วยดังกล่าวปรึกษาหารือกับทนายความในการตอบ
ค าถามนั้นไปด้วย อีกทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 ยังบัญญัติ
ด้วยว่า “...ให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปนี้ด้วย (1) พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ
เป็นการเฉพาะตัว ....” แต่ก็ยังอาจนับได้ว่ามีจุดมุ่งหมายของกฎหมายที่แยกกันได้เป็นคนละส่วน
โดยในส่วนนี้มุ่งหมายในทางที่เป็นหลักประกันคุ้มครองผู้ต้องหาว่าจะไม่ถูกกระท าการอันมิชอบ
ในระหว่างการสอบปากค านั้น ควบคู่ไปกับมาตรการคุ้มครองเจ้าพนักงานโดยอาจท าให้เชื่อถือได้
ว่าได้ปฏิบัติโดยชอบเพราะอย่างน้อยที่สุดก็มีบุคคลที่ย่อมจะต้องรักษาสิทธิของผู้ต้องหาอยู่แล้วนั้น
มายืนยันได้ว่าการปฏิบัติของเจ้าพนักงานในระหว่างการสอบปากค าผู้ต้องหานั้นไม่มีการกระท าใด
ที่เป็นไปในทางที่มิชอบ
3) สิทธิที่จะได้รับการสอบสวนโดยรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม
การสอบสวนเป็นไปโดยรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรมจะสามารถ
ให้การคุ้มครองสิทธิ และกลั่นกรองเอาบุคคลที่ไม่ได้กระท าความผิดหรือบุคคลที่ไม่สมควรจะถูก
ด าเนินคดีอาญานั้นออกไปจากกระบวนการตั้งแต่ต้น ซึ่งหากรอให้เนิ่นช้า บุคคลนั้นก็อาจได้รับ
ผลร้ายไปก่อนแล้วซึ่งจะเท่ากับว่าไม่แตกต่างอะไรกับการถูกลงโทษโดยไม่เป็นธรรมไปก่อนแล้ว
ซึ่งในประเด็นการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ โดยมาตรการสอบสวนโดยรวดเร็วนั้น มาตรการต่างประเทศ
และกฎหมายไทยมีดังต่อไปนี้
มาตรการการสอบสวนโดยรวดเร็วและเป็นธรรมของต่างประเทศ
ในประเทศอังกฤษ ประเด็นนี้อาจไม่ชัดเจนนัก ในเบื้องต้นแล้ว
การด าเนินคดีอาญาในระบบ Common Law มีลักษณะของการต่อสู้คดีกันระหว่างคู่กรณีสองฝ่าย
เป็นหลักและเน้นการส่งเสริมให้ผู้ต้องหาได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากที่ปรึกษากฎหมาย
หรือทนายความที่จะเป็นฝ่ายรวบรวมพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหา แต่อย่างไรก็ดีก็ไม่ปรากฏ
ข้อห้ามไม่ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในทางที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายซึ่งรวมถึงเป็นคุณ